อีกขั้นของเทคโนโลยี BCI อัพโหลดความคิดให้เป็น AI
ลองจินตนาการดูว่า โลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ถ้าในอนาคตเราสามารถถ่ายโอนข้อมูลหรือความคิดจากมนุษย์ไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ จน AI สามารถทำงานได้เหมือนสมองมนุษย์ได้จริงๆ
ปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายที่ได้รับการพัฒนาให้เข้าถึงและเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ได้ เช่น เทคโนโลยี Brain Computer Interface (BCI) ที่ทำให้คลื่นสมองกับเครื่องคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกันโดยตรง โดยนำคลื่นสมองออกมาวิเคราะห์และแปลงผลเป็นคำสั่งให้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีอื่นๆ ทำงานตามที่เราคิด
บริษัท Neuralink ภายใต้การบริหารของนักธุรกิจสายเทคโนโลยีอย่าง Elon Musk ที่ทำงานวิจัยโดยมีแนวคิดที่จะทำให้ AI สามารถทำงานร่วมกับสมองมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ได้คิดค้นอุปกรณ์ชื่อ N1 เซ็นเซอร์ ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ใช้งานกับมนุษย์จริงๆ โดยใช้ติดตั้งบนผิวของกะโหลกศีรษะแล้วตรวจจับข้อมูลจากสมองของมนุษย์ด้วยใยสื่อประสาทเส้นเล็กๆ เพื่อช่วยให้ AI สามารถอ่านและจำลอง คลื่นสมองของเราได้ ขณะที่บริษัท Facebook ก็ทุ่มเงินราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซื้อสายรัดแขนจาก CTRL-Labs มาพัฒนาต่อ ทั้งนี้ผู้ผลิตสายรัดแขนเคลมว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการจับค่าศักย์ไฟฟ้าที่เกิดจากการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใช้งานสวมใส่สายรัดแขน โดย CTRL-labs เองก็เปิดโอกาสให้ สื่อมวลชนต่างๆ รวมถึงนักเขียนจาก VentureBeat และ The Verge ได้ทดลองลองสวมสายรัดแขนแล้วใช้ความคิดควบคุมลูกศรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมทั้งควบคุมการขยับนิ้วมือของโมเดลมือ 3 มิติในคอมพิวเตอร์โดยที่ไม่ต้องขยับนิ้วมือจริงของตนเองดู ซึ่งชุดทดสอบโมเดลมือ 3 มิตินี้ ก็สามารถใช้เทียบค่าคลื่นไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อของผู้ใช้แต่ละคนได้อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ Building 8 หน่วยวิจัยลับของ Facebook ที่ทำหน้าที่วิจัยฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีเพื่ออนาคต ซึ่งรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ มาทำการวิจัย รวมถึง Regina Dugan อดีตหัวหน้าทีมวิจัยของสำนักโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกา (DARPA) และหัวหน้าทีมเทคโนโลยีของ Google (ATAP) ก็มีผลงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีแปลงคลื่นสมองออกมาเป็นข้อความด้วยการดักจับคลื่นตรงตำแหน่งเฉพาะของสมอง เพียงแค่สมองคิดเทคโนโลยีนี้จะสั่งการให้พิมพ์ออกมาได้เร็วถึง 8 คำต่อวินาที โดยทีมวิจัยก็มีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบให้เสถียรมากยิ่งขึ้น พัฒนาเซ็นเซอร์เพื่อเพิ่มความเร็วเป็น 100 คำต่อวินาทีและพัฒนาให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถสวมใส่ได้ด้วย
แม้แต่ละบริษัทจะทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยี BCI กันหมดหน้าตัก แต่เทคโนโลยียังถูกจำกัดขอบเขตการใช้งานไว้เพียงวงการแพทย์และถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ตรวจจับ วิเคราะห์ และ แปลสัญญาณของสมองส่วนกลางให้เป็นคำสั่งการที่ส่งไปยังเครื่องมือภายนอกเพื่อให้ทำงานตามอย่างที่ต้องการได้เท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะอัพโหลดความทรงจำและความคิดทั้งหมดของมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยเพราะหากจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องมีเทคโนโลยีในการสแกนและเข้าถึงระบบสมองที่มีการทำงานซับซ้อน รวมถึงต้องมีระบบรองรับที่สามารถทำงานได้คล้ายกับสมองของคนด้วย
อย่างไรก็ตาม Ray Kurzweil ผู้อำนวยการด้านวิศวกรรมของของ Google และนักวิทยาศาสตร์สาย futurist เชื่อว่า จะมีเทคโนโลยีที่สามารถอัพโหลดสมองของเราเข้าสู่คอมพิวเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ (Whole Brain Emulation) ก่อนปี 2045 ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด AI ที่ทำงานโดยประมวลผลจากประสบการณ์และความทรงจำของคนจริงๆ ด้วย
ในอนาคตเทคโนโลยี BCI อาจทำให้เราสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านอุปกรณ์ที่ตรวจจับคลื่นสมองส่วนกลางได้ เมื่อเราต้องการคำปรึกษาด้านเทคโนโลยีหรือธุรกิจ ก็อาจจะได้ใช้บริการให้คำปรึกษาจาก AI ที่มีกระบวนการคิดแบบบุคคลที่มีความสามารถ อย่าง Warren Buffet, Mark Zuckerberg หรือ Elon Musk ที่อัพโหลดข้อมูลจากสมองของเขาเอาไว้แล้วก็เป็นได้อ่านเพิ่มเติม >> ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ กับ AI ที่เปลี่ยนคลื่นสมองให้เป็นเสียง