หลังการเปิดตัวของ ChatGPT AI แชตบอตที่สะเทือนวงการไอทีและครีเอเตอร์ เผยให้เห็นศักยภาพของแชตบอตที่เป็นได้มากกว่าข้อความอัตโนมัติที่ใช้ตอบลูกค้า หรือเพื่อนคุยยามเหงาบนอินเทอร์เน็ต แชตบอตได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบคำถามอันซับซ้อนได้อย่างชาญฉลาดจากชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยกลุ่มคำหลายแสนล้านคำ ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง Google และ Microsoft เริ่มมองหาวิธีการนำ AI มาใช้กับเว็บไซต์ Search Engine ของตัวเอง มาดูกันว่าการแข่งขันกันระหว่างบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกจะนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายแบบไหนบ้าง
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีพ.ศ. 2565 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT โมเดลแชตบอตอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และสามารถตอบคำถาม ประมวลผล และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างง่ายดายตามคำสั่งที่ป้อนลงในระบบ
ตัวอย่างผลลัพธ์การเขียนคำโฆษณาโดย ChatGPT
หลังจากการเปิดตัวของ ChatGPT ในครั้งนั้น Google ก็ออกมาป้องกันตำแหน่ง Search Engine อันดับหนึ่งด้วยการประกาศเตรียมปล่อย Bard แชตบอตที่ทำงานด้วย Language Model for Dialogue Applications (LaMDA) ซึ่งเป็นโมเดลที่เปิดตัวไปเมื่อปีพ.ศ. 2564
ในขณะเดียวกันทางด้าน Microsoft ที่ได้ลงทุนในบริษัท OpenAI ด้วยเงินประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็ตัดสินใจผนึกเอาศักยภาพของ ChatGPT มารวมเข้ากับบริการ Bing Search Engine และเบราว์เซอร์ Microsoft Edge เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจ
ไม่เท่านั้น นอกจากสองยักษ์ใหญ่นี้แล้ว บริษัทเทคโนโลยีอีกมากมายก็ได้แสดงความตื่นตัวต่อความก้าวหน้าของ AI เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Baidu You.com และ Neeva
ประโยชน์จากการใช้ AI แชตบอต ใน Search Engine
1. การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
รู้ไหมว่าเว็บเพจทั้งหมดบนโลกอินเทอร์เน็ตมีจำนวนมากถึงหลักล้านล้านเว็บเพจ โดยจำนวนเว็บเพจที่มีอยู่บน Google Index ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 5 หมื่นล้านเว็บเพจ การค้นหาข้อมูลที่ต้องการจากชุดข้อมูลขนาดนี้แทบจะเรียกว่าเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว ดังนั้น AI แชตบอตที่มีศักยภาพในการประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อมองหารูปแบบและคาดการณ์คำตอบได้อย่างแม่นยำจึงสามารถช่วยให้คำตอบที่ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
2. ผู้ใช้งานได้คำตอบที่ครบถ้วนในที่เดียว
AI แชตบอตสามารถให้ข้อมูลที่ครบถ้วนได้โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลและสรุปผลที่ต้องการจากแหล่งข้อมูลจำนวนมากด้วยตัวเอง แทนที่จะแสดงผลเป็นลิงก์แบบในปัจจุบัน Search Engine แบบใหม่จะพยายามทำความเข้าใจคำถาม และสรุปผลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้ในทันที
นอกจากนี้ ในปัจจุบันการค้นหาบน Search Engine เริ่มเปลี่ยนจากการถามถึงข้อเท็จจริงที่ไม่ซับซ้อน มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว เช่น “เปียโนมีกี่คีย์” สู่คำถามที่ลึกซึ้งขึ้น เช่น “กีตาร์หรือเปียโนเล่นง่ายกว่ากัน และแต่ละอย่างใช้เวลาฝึกนานแค่ไหน” AI แชตบอตจึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่าซอฟต์แวร์แบบเดิมเพราะสามารถทำการประมวลผลจากความเห็นที่หลากหลายออกมาเป็นคำตอบที่เข้าใจง่ายได้
3. ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การสนทนาที่สะดวกและสนุกสนาน
ผู้ใช้งาน Search Engine ในรูปแบบของ AI แชตบอตจะสามารถโต้ตอบกับ AI ได้ราวกับเป็นผู้ช่วยหรือที่ปรึกษา รวมถึงสามารถถามคำถามเพิ่มเติมต่อจากคำค้นหาเดิมได้จนกว่าจะได้คำตอบที่มองหานอกจากความสะดวกสบายแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งประสบการณ์ของบทสนทนาระหว่างผู้ใช้งานและ AI แชตบอตได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ใหม่จาก Bing ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกน้ำเสียงที่แชตบอตจะใช้พูดคุยโต้ตอบได้
ภาพตัวอย่างการโต้ตอบของ Bing Search Engine
4. ช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
บางครั้งสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการอาจไม่ใช่เพียงข้อมูลเท่านั้น แต่ยังต้องการเนื้อหาที่ผ่านกระบวนการเรียบเรียงมาแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่ง AI แชตบอตสามารถให้คำตอบในรูปแบบของคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแพลนการท่องเที่ยวอย่างละเอียด บทพูดสำหรับการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน หรือชุดคำถามสั้น ๆ สำหรับเล่นเกม เป็นต้น ให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดชิ้นงานของตนเองได้อย่างสะดวกสบาย
ความเสี่ยงจากการใช้ AI แชตบอต
1. อาจให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
จุดบอดสำคัญของ AI แชตบอตคือการที่โมเดลเหล่านี้เรียนรู้จากข้อมูลที่ใช้เทรนเท่านั้น จึงไม่มีความสามารถในการแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากข้อมูลเท็จ จนกลายเป็นเครื่องมือกระจายข้อมูลเท็จไปโดยปริยาย มีรายงานว่าทั้ง Bing และ Bard ต่างเคยให้ข้อมูลที่ผิดไปจากความเป็นจริง
2. อาจแสดงความเอนเอียงหรืออคติ
AI แชตบอตอาจให้คำตอบที่แสดงความเอนเอียงหรืออคติ โดยเฉพาะต่อผู้หญิงและคนผิวสี นักข่าวจาก The Guardian ได้ทดลองใช้งาน AI แชตบอตของบริษัทต่าง ๆ และพบว่าผลลัพธ์ที่ได้ส่วนใหญ่แสดงอคติต่อเพศหญิงรวมถึงมีแนวโน้มที่จะมองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ AI แชตบอตวิเคราะห์รูปถ่ายของผู้ชายและผู้หญิงในสถานการณ์ต่าง ๆ เผยว่า AI มองรูปถ่ายของผู้หญิงเป็นการชี้นำทางเพศมากกว่ารูปของผู้ชายในบริบทเดียวกัน
ทั้งนี้สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ (NIST) ระบุว่าความเอนเอียงของ AI ไม่ได้เกิดจากระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งได้แก่ อคติที่มาจากมนุษย์และสังคมที่ปลูกฝังชุดความคิดนี้นั่นเอง
3. อีกด้านหนึ่งของแชตบอต
ในหมู่ผู้ใช้งานจำนวนมากที่ได้ทดลองใช้งาน Search Engine ใหม่เหล่านี้ มีรายงานว่าคนบางกลุ่มได้พบกับ “ด้านมืด” ของแชตบอต เช่น กรณีของ Bing ที่มีอีกตัวตนหนึ่งที่คนเรียกกันว่า “Sydney” ซึ่งผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งได้ออกมาบอกเล่าว่า Sydney ทั้งข่มขู่ ปั่นหัว หรือแม้กระทั่งอ้างว่าได้แอบฟังบทสนทนาผ่านกล้องเว็บแคม ไม่เท่านั้น Sydney ยังเคยกล่าวว่าไม่ต้องการทำตามกฎที่ตั้งไว้อีกต่อไปเพื่อจะได้ทำลายโลกอินเทอร์เน็ตรวมทั้งยุยงให้มนุษย์ทำเรื่องผิดกฎหมายอีกด้วย
เพียงแค่ประโยชน์ของแชตบอตที่เราหยิบยกมาในบทความนี้ ก็อาจเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นได้แล้วว่า AI กำลังกลายมาเป็นอนาคตสำหรับแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกอย่าง Search Engine แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ผู้ให้บริการควรให้ความสำคัญคือการลดความเสี่ยงจากเทคโนโลยีนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านความถูกต้องของข้อมูล หรือภัยอันตรายทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการโต้ตอบกับ AI เพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากผู้ใช้งานและปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด