TechFin ความท้าทายครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมการเงิน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) อุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกพลิกโฉมไปอย่างมากและต้องพบกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะการเร่งพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยี เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคและระบบนิเวศทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เรามักจะได้ยินกันจนคุ้นชินในธุรกิจการเงินการธนาคาร คือ FinTech ที่หมายถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้ตอบโจทย์และทันสมัยกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะมากำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการเงิน
InnoHub ขอแนะนำให้รู้จักกับ TechFin ผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญในวงการนี้ในอนาคต องค์กรไหนบ้างที่ถือว่าเป็น TechFin แล้วจะส่งผลอย่างไรต่อ FinTech อุตสาหกรรมการเงินต้องเตรียมตัวอย่างไร บทความนี้รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว
TechFin คืออะไร
TechFin หมายถึง บริษัทที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีประเภทอื่นมาก่อน แล้วจึงขยายการเติบโตขององค์กรให้ครอบคลุมบริการทางด้านการเงินในภายหลัง ตัวอย่างบริษัทชื่อดังในสหรัฐอเมริกาที่ทุกคนอาจคุ้นหูกันแล้ว ได้แก่ Google ที่เดิมเป็นเพียงเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ก่อนที่จะขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์รับชำระเงินออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนอย่าง Google Pay ในปี พ.ศ. 2558
อีกหนึ่งตัวอย่างของบริษัทด้าน TechFin ที่เป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดโลก คือ Baidu และ Tencent ของประเทศจีน ซึ่งเริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ปัจจุบันขยับขยายกิจการเข้ามาให้บริการด้านการเงินบนโทรศัพท์มือถืออย่างครบครัน สำหรับประเทศไทย TechFin ที่ทุกคนน่าจะคุ้นหูกันมากที่สุด คือ LINE Pay ซึ่งเป็นการให้บริการกระเป๋าเงินอัจฉริยะของแอปพลิเคชัน LINE ที่คนไทยกว่า 47 ล้านคน นิยมใช้งานนั่นเอง
FinTech คืออะไร
ในมุมกลับกัน FinTech คือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมการเงินและมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างสำคัญ คือ ธนาคารทุกแห่งที่ปัจจุบันมีบริการแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ หรือ โมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) มาช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
อีกหนึ่งตัวอย่างของบริษัท FinTech ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย คือ Stock Radars แอปพลิเคชันที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถค้นหาหุ้นในตลาดที่สนใจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจจับความผิดปกติของการซื้อขายหุ้นแล้วแจ้งเตือนทันที ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาเฝ้าหน้าจอมือถืออีกต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจ FinTech ชื่อดังในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่น Paypal ซึ่งเป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่ให้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินอย่างหลากหลาย โดยต้องผูกข้อมูลหมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตกับ Paypal ก่อนจึงจะสามารถชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดาย
TechFin ความท้าทายครั้งใหญ่ของ FinTech
ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง TechFin และ FinTech คือ “จุดกำเนิด” ของบริษัท โดย TechFin เริ่มดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นมาก่อน และดูว่าสามารถนำเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีมาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ด้านการเงินได้อย่างไรบ้าง ในทางกลับกัน บริษัท FinTech เริ่มต้นด้วยการให้บริการธุรกรรมทางการเงิน แล้วนำเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนและพัฒนาธุรกิจให้เติบโต
จะเห็นได้ว่าบริษัท TechFin ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกหรือของภูมิภาคนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Google Tencent หรือ Line ก็ตาม องค์กรเหล่านี้ครอบครองข้อมูล (Data) เกี่ยวกับผู้บริโภคจำนวนมหาศาลที่นิยมใช้งานแพลตฟอร์มของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งพฤติกรรมการเสพสื่อออนไลน์ การจับจ่ายใช้สอย และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยี Open Banking และ Application Programming Interface (API) ในปัจจุบัน ยังช่วยทำให้แอปพลิเคชันของธุรกิจในทุกภาคส่วนรวมทั้ง TechFin สามารถเชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงบริการและคลังข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารได้อีกด้วย จึงส่งผลให้บริษัท TechFin ใช้นวัตกรรมและข้อมูลอันมีค่าเหล่านี้มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น
ข้อได้เปรียบต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้บริษัท TechFin กลายเป็นหนึ่งในความท้าทายครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมการเงินที่ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ยุคดิจิทัล และเมื่อผนวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยและตอบรับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว ก็ยิ่งส่งผลให้บริษัท TechFin มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตนั่นเอง
FinTech ต้องปรับตัวอย่างไร
ธุรกิจด้านการเงินต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ โดยพยายามนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เน้นผลิตภัณฑ์รูปแบบดิจิทัลที่หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคนให้มากยิ่งขึ้น แทนที่บริการทางธุรกรรมในสาขาแบบเดิม
นอกจากนี้ การบริหารจัดการให้เสมือนว่าตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยี โดยใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าให้ถูกต้องแม่นยำ และมอบข้อเสนอที่ตรงใจพวกเขาได้อย่างลงตัว ก็จะสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในองค์กรได้รวดเร็วยิ่งขึัน
อีกหนึ่งวิธี คือ การสร้างความร่วมมือและหาพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับทั้งบริษัท FinTech และ TechFin โดยแบ่งปันหน้าที่และพึ่งพาอาศัยจุดเด่นของกันและกัน เพื่อให้ทั้งสององค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางระบบนิเวศที่ทั้งท้าทายและน่าตื่นเต้นของอุตสาหกรรมการเงินแห่งโลกอนาคต