บริษัทบัตรเครดิตระดับโลกใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปราบการฉ้อโกงได้อย่างไร

กรกฎาคม 5, 2024

บัตรเครดิตเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินยอดนิยมของผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาอำนวยสะดวกให้สามารถใช้บัตรดังกล่าวชำระเงินออนไลน์อย่างสะดวกสบาย แต่อีกแง่หนึ่ง มิจฉาชีพก็ฉวยโอกาสนี้เพื่อหลอกลวงเงินจากผู้บริโภคได้แนบเนียนยิ่งขึ้นเช่นกัน  วันนี้ InnoHub เลยขอพาทุกคนมาดูกันว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีบทบาทในการช่วยป้องกันการฉ้อโกงเช่นนี้อย่างไรบ้าง

ภาพรวมธุรกิจและสถานการณ์กลโกงบัตรเครดิต (อัปเดต 2567)

แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตค่อนข้างช้าและยังไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก แต่ธุรกิจบัตรเครดิต หรือ Credit Card ที่มอบสินเชื่อให้ลูกค้านำเงินไปจับจ่ายใช้สอยล่วงหน้าแล้วค่อยชำระคืนให้ภายหลังนั้นยังคงก้าวหน้าต่อเนื่องโดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเติบโตถึงประมาณ 3% ต่อปี และมีมูลค่าสูงกว่า 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ เมื่อปีที่ผ่านมายังมีจำนวนผู้ถือครองบัตรเครดิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นจนถึง 1.25 พันล้านคนเลยทีเดียว

สำหรับผู้เล่นที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 40% ซึ่งมากที่สุดในธุรกิจนี้เมื่อปีที่ผ่านมา คือ Visa บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 65 ปี และรองรับการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้กว่า 200 ประเทศทั่วโลก อันดับสอง คือ UnionPay บริษัทจากประเทศจีน ที่ถือส่วนแบ่งการตลาด 32% และถัดมาคือบริษัทสัญชาติสหรัฐอเมริกา Mastercard ที่ครอง 24% โดยสาเหตุที่บัตรเครดิตได้รับความนิยมมากเช่นนี้นอกจากจะเป็นเพราะผู้บริโภคสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมายเมื่อใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าและบริการอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือมิจฉาชีพกลับอาศัยช่องโหว่ กลอุบาย และความซับซ้อนของเทคโนโลยีดิจิทัลในการทุจริตและฉ้อโกงบัตรเครดิตของผู้บริโภคมาใช้งานนั่นเอง โดยสถิติล่าสุดนั้นพบว่าการหลอกลวงดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นในทุกทวีปทั่วโลกถึง 46% ต่อปี และจะคิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมแล้วมากกว่า 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งกรณีฉ้อโกงบัตรเครดิตที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดมากถึง 65% จากทั้งหมดนั้นเรียกว่า Card-not-present (CNP) การทำธุรกรรมที่ไม่ต้องแสดงบัตร หรือก็คือการที่มิจฉาชีพขโมยข้อมูลของบัตรเครดิตแล้วนำไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั่นเอง

เทคโนโลยี AI ที่บริษัทบัตรเครดิตระดับโลกใช้ป้องกันการฉ้อโกง

เมื่ออัตราการหลอกขโมยบัตรเครดิตพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบนี้ เหล่าบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ทางการเงินจึงต้องออกมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงและช่วยปกป้องผู้บริโภคจากอาชญากรรม โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดคือการหันมาใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) นั่นเอง ไปดูกันเลยว่าแต่ละบริษัทบัตรเครดิตชั้นนำยกระดับความปลอดภัยของการทำธุรกรรมด้วยนวัตกรรมสุดล้ำนี้ยังไงบ้าง

  1. Mastercard

ที่แรกที่ InnoHub จะพาไปสำรวจ คือ Mastercard บริษัทที่สร้าง Decision Intelligence Pro โมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับตรวจจับและป้องกันการทุจริตฉ้อโกงขึ้นมาใช้เองโดยใช้ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมขนาดมหาศาลกว่า 125 พันล้านครั้ง ยกตัวอย่าง เช่น ประวัติว่าลูกค้ามักจะนำบัตรไปใช้ชำระสินค้าประเภทใด ที่ร้านค้าบริเวณไหน ในช่วงเวลาใด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ระบบ AI ประเมินความเสี่ยงและคาดการณ์อย่างแม่นยำได้ว่าธุรกรรมนั้น ๆ เกิดขึ้นจากเจ้าของตัวจริง หรือเป็นมิจฉาชีพที่พยายามจะขโมยทรัพย์สินผู้อื่น โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 50 มิลลิวินาทีเท่านั้น ปัญญาประดิษฐ์ Decision Intelligence Pro ช่วยให้สถาบันการเงินตรวจจับการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉลี่ยสูงถึง 20%

  1. Visa

บริษัทต่อมา คือ Visa ที่พัฒนาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า Visa Account Attack Intelligence (VAAI) ขึ้นเพื่อจัดระดับคะแนนความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ว่าธุรกรรมใดเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทุจริตในรูปแบบ Enumeration Attack หรือ Brute Force Attack ซึ่งหมายถึงการที่คนร้ายใช้งานโปรแกรมสุ่มกรอกข้อมูลเลขบัตรเครดิตไปเรื่อย ๆ โดยอัตโนมัติ เมื่อเว็บไซต์บางแห่งที่เทคโนโลยีป้องกันยังไม่แข็งแกร่งมากนักแสดงผลตอบรับว่าบัตรดังกล่าวถูกต้อง ก็จะสามารถนำไปรูดซื้อของหรือโอนเงินเข้าสู่บัญชีของคนร้ายต่อได้นั่นเอง โดย VAAI นั้นถูกพัฒนาขึ้นด้วยฐานข้อมูลการทำธุรกรรมมากกว่า 15,000 ล้านครั้ง และสามารถลดอัตราการตรวจคัดกรองที่ผิดพลาด (False Positive) ได้มากถึง 85%

  1. American Express

ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายสุดท้ายที่เรานำมาฝากวันนี้ คือ American Express ที่มีจำนวนลูกค้ามากกว่า 114 ล้านคนและมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยเป็นเม็ดเงินกว่า 1.2 ล้านลานดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2558  บริษัทระดับโลกแห่งนี้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามายกระดับการป้องกันมิจฉาชีพฉ้อโกงบัตรเครดิตเช่นกัน โดยได้พัฒนาโมเดล AI ด้วยระบบ Machine Learning ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเพื่อประเมินระดับความเสี่ยง หรือ Risk Score ซึ่งหากตรวจพบว่าเข้าข่ายเป็นการพยายามขโมยเงินของคนร้าย American Express ก็จะยังไม่อนุญาตให้เข้าถึงบัตรเครดิตทันที แต่จะขอหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นลูกค้าที่กำลังต้องการใช้งานบัตรจริง ๆ ผลลัพธ์ของการนำ AI มาใช้ครั้งนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบประเมินความเสี่ยงทางการเงินของ American Expess ได้ 20 – 30% และยังตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเฉียบแหลมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องมิจฉาชีพที่นับวันจะยิ่งซับซ้อนและมีกลโกงใหม่ ๆ มาใช้หลอกลวงผู้บริโภค แต่หากสถาบันการเงินนำเทคโนโลยีสำคัญในยุคปัจจุบันอย่างปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้พัฒนาองค์กร ก็จะสามารถมอบบริการที่ทั้งมีคุณภาพและปลอดภัยให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

Share this article

กดติดตาม InnoHub

เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ