ทะยานสู่หนทางใช้จ่ายแนวใหม่ vCommerce
เมื่อเวลาผ่านไป การช็อปปิ้งของคนเราก็เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ต้องเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้า ผู้คนก็เริ่มหันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันกันมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าความสะดวกสบายนั้นยังไม่จบเพียงแค่การคลิกเลือกสินค้าและชำระเงินเท่านั้น เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้เราสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเสียงพูดในรูปแบบที่เรียกว่า Voice Commerce (vCommerce) แล้ว
หลายคนอาจคุ้นเคยกับเทคโนโลยีผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงหรือ Voice Assistant ผ่านการคุยเล่นกับ Siri, Alexa, Google Assistant, หรือ Cortana ผู้ช่วยเหล่านี้ในตอนแรกอาจช่วยอะไรเราไม่ได้มากไปกว่าการตั้งปลุกตอนเช้า แจ้งเตือนนัดสำคัญ หรือค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ ทว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านั้นถูกพัฒนาให้มีขีดความสามารถมากขึ้นและเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้นจนสามารถช่วยเราในงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ช่วยติวหนังสือก่อนสอบ เล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง ไปจนถึงช่วยให้เราสามารถซื้อของได้ง่ายๆ ผ่านการสั่งการเสียง
หลักการทำงานของ Voice Commerce โดยพื้นฐานก็คือการสั่งซื้อสินค้าผ่าน Voice Assistant ที่ผู้ใช้สามารถพูดประโยคคำสั่งด้วยภาษาพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป จากนั้นผู้ช่วยจะทำการประมวลผลและดำเนินขั้นตอนการซื้อไปตามความเหมาะสม เช่น ถามถึงตัวเลือกที่ผู้ใช้อยากได้ หรือยืนยันรายการสั่งซื้อ Voice Commerce จะช่วยให้เราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายผ่านคำสั่งเสียงได้แทนที่จะต้องคลิกผ่านหน้าเว็บไซต์หรือกดผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งในอนาคต Voice Commerce อาจจะถูกพัฒนาให้ล้ำไปกว่านั้น อาจมีการใช้ระบบ Voice Recognition เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ซื้อ หรืออาจมีระบบที่แนะนำสินค้าตามบริบทได้ เช่น เมื่อ Voice Assistant ได้ยินเสียงไอของผู้ใช้ ก็จะแนะนำให้ผู้ใช้สั่งซื้อยาแก้ไอมาบรรเทาอาการ โดยเว็บไซต์ Voicebot ได้แบ่ง vCommerce ปัจจุบันออกเป็น 2 ประเภทคร่าวๆ ได้แก่
- การสั่งซื้อสินค้าดิจิทัล เช่น ในระหว่างที่กำลังเล่นเกมอยู่ผู้เล่นอาจสามารถใช้คำสั่งเสียงซื้อไอเท็มในเกมได้ทันที
- การสั่งซื้อสินค้าทั่วไปที่ต้องส่งถึงบ้าน ซึ่งเหมาะกับการสั่งซื้อสินค้าที่มีประวัติสั่งซื้อมาแล้ว หรือสินค้าที่มีการดูข้อมูลมาก่อนจากช่องทางอื่นๆ
ในรายงานสรุปผลการขายของ Amazon ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปี 2018 พวกเขากล่าวว่าอัตราการซื้อของผ่าน Alexa นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากปี 2017 และ OC&C Strategy Consultant ก็ได้ประเมินว่าการซื้อขายผ่านเสียงในปี 2022 จะมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านเหรียญ และในปัจจุบัน 62% ของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเคยใช้ Voice Commerce สั่งซื้อของชำ และ 35% ก็เคยสั่งสินค้าจากร้านค้าปลีกอื่นๆผ่านคำสั่งเสียงแล้ว
อีกหนึ่งด้านที่น่าจะทำให้เราเห็นภาพการเติบโตของ Voice Commerce ได้ดีคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการใช้ Voice Assistant ในชีวิตประจำวัน รายงานจากบริษัทวิจัย CIRP เมื่อเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมาเผยว่าในเดือนธันวาคม 2018 ผู้คนในสหรัฐอเมริกามีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มี Voice Assistant เช่น Alexa หรือ Google Assistant อยู่กว่า 66 ล้านตัวทั่วประเทศ โดยเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 37 ล้านตัวในเดือนเดียวกันในปี 2017 นอกจากนี้ Juniper Research ยังคาดการณ์ว่าจำนวนการใช้งาน Voice Assistant จะสูงถึง 8,000 ล้านครั้งต่อปีทั่วโลกในปี 2023 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นราว 3 เท่าจากปัจจุบัน
ปัจจุบันธุรกิจห้างร้านต่างก็แข่งขันกันเพื่อยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Voice Commerce จะเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้ และเมื่อ Voice Commerce ได้รับความนิยมมากขึ้น ความสะดวกสบายในด้านอื่นๆ เช่น การชำระเงินรูปแบบใหม่ๆที่ง่ายและดีกว่าเดิม การส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อ Voice Commerce ถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นในอนาคต เราอาจได้เห็นบริการล้ำๆอย่างการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านคำสั่งเสียงก็เป็นได้