ส่องเทรนด์ Longevity Tourism เมื่อการเดินทางเป็นมากกว่าการพักผ่อน

October 15, 2025

Longevity คืออะไร ทำไมคนทั่วโลกถึงพูดถึงมันมากขึ้น?

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ คำว่า Longevity หรือ “การยืดอายุอย่างมีคุณภาพ” กลายเป็นคำฮิตในแวดวงสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพ แต่ความหมายของมันไม่ใช่แค่ “อยากอายุยืน”

ในอดีต เวลาพูดถึง “อายุยืน” หลายคนมักคิดถึงแค่การมีชีวิตยาวขึ้น (Life Span) แต่แนวคิด Longevity ในปัจจุบันจะเน้นไปที่การยืดระยะเวลาที่มนุษย์มีสุขภาพแข็งแรง (Health Span) มีพลัง และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ 

พูดง่าย ๆ คือไม่ใช่แค่ อยู่ได้นาน แต่ต้องมีสุขภาพกาย ใจ และสมองที่แข็งแรง ยืนยาวไปพร้อมกัน

แนวคิดนี้เองที่ทำให้ Longevity กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์เศรษฐกิจใหม่ของโลก หรือที่เรียกว่า Longevity Economy อุตสาหกรรมที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและบริการเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ

โดยตลาด Longevity ทั่วโลกอาจเติบโตสู่มูลค่ากว่า 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2578 จากกระแสเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI ด้านสุขภาพ เวชศาสตร์ฟื้นฟู และการแพทย์เชิงป้องกัน

และในปี 2568 นี้ แนวคิด Longevity กำลังขยายออกจากห้องแล็บและคลินิก สู่โลกของการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม

Longevity Tourism: เมื่อการเดินทางกลายเป็นพื้นที่ฟื้นฟูชีวิต

เดิมที การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มักหมายถึงการไปสปา โยคะ หรือดีท็อกซ์ แต่ตอนนี้ โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า Longevity Tourism หรือการท่องเที่ยวที่ผสมผสานเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการแพทย์เชิงฟื้นฟูเข้าด้วยกัน เราจะเริ่มเห็นโรงแรม หรือรีสอร์ต นำเทคโนโลยี ฟื้นฟูร่างกาย และการจัดการข้อมูลสุขภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบริการ

รายงานจาก Copperwell Retreat ระบุว่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกจะเติบโตแตะ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 และหนึ่งในกลุ่มที่ขยายตัวเร็วที่สุดคือการเดินทางที่เน้นการฟื้นฟูสุขภาพในเชิงลึก

เพราะในยุคที่คนทำงานหนัก เดินทางบ่อย และมีเวลาพักน้อย หลายคนเริ่มมองว่าการเดินทางคือโอกาสในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้พร้อมกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีพลังอีกครั้ง

3 นวัตกรรมหลักที่ขับเคลื่อน Longevity Tourism
  1. การฟื้นฟูร่างกายและจัดการความเครียด (Sleep & Stress Recovery)
    ปัญหาการนอนไม่พอและเจ็ตแล็กคืออุปสรรคใหญ่สำหรับนักเดินทาง หลายโรงแรมเริ่มนำเทคโนโลยี เช่น ระบบแสงอัจฉริยะ (Circadian Lighting), AI ควบคุมอุณหภูมิและเสียง มาช่วยกระตุ้นให้ร่างกายปรับสมดุล
    อีกนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังมาแรงคือ Cryotherapy (การบำบัดด้วยความเย็นจัด) ผู้เข้ารับการบำบัดจะอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -100 องศาเซลเซียสเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการอักเสบในร่างกาย โดยมีงานวิจัยพบว่าการทำ Cryotherapy แบบทั้งร่างกาย สามารถลดการอักเสบ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเมื่อเดินทางหนัก

  2. การเพิ่มพลังงานและสมรรถนะของร่างกาย (Energy & Optimization)
    นอกจากการพักผ่อน เทคโนโลยีบางประเภทก็เจาะจงไปที่การเติมพลังให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง ตัวอย่างเช่น IV Nutrient Drip Therapy หรือการให้สารอาหารทางเลือดโดยตรง ซึ่งช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายโดยตรง และเป็นที่นิยมมากในหมู่นักธุรกิจและคนทำงานที่เดินทางข้ามทวีป
    นอกจากนี้ยังมี NAD+ Therapy ช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรีย (ส่วนของเซลล์ที่ผลิตพลังงาน) และการออกกำลังกายในภาวะออกซิเจนต่ำ (Altitude Simulation) เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และทำให้ร่างกายทนต่อความเหนื่อยล้าได้ดีขึ้น

  3. สุขภาพเฉพาะบุคคลด้วยข้อมูลและ AI (Precision Health & Data)
    อีกก้าวสำคัญของ Longevity Tourism คือการใช้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เพื่อออกแบบบริการที่เหมาะกับแต่ละคน
    โรงแรมและรีสอร์ตบางแห่งในยุโรปและอเมริกาเริ่มใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์
    ร่วมกับ Biometric Tracking ระบบตรวจวัดชีพจร การหายใจ การนอน และระดับความเครียด พร้อมจัดทำ Health Dashboard รายงานผลการฟื้นฟูหลังจบทริป บางแห่งมีบริการให้คำปรึกษาระยะไกล (Telehealth Consult) ให้ผู้เข้าพักพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกสบาย

ไทยกับโอกาสในการเป็น Longevity Hub

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในเอเชียสำหรับการพัฒนา Longevity Tourism เพราะเรามีทั้งระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเดินทางเข้ามาใช้บริการในไทยมากกว่า 3.5 ล้านคนต่อปี ขณะที่รีสอร์ตและสถานที่พักระดับพรีเมียมในภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ ต่างก็มีโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพที่พร้อมต่อยอดสู่การให้บริการด้าน Longevity ได้ทันที

ในอนาคต ไทยสามารถต่อยอดแนวทางนี้ได้หลากหลาย เช่น การสร้าง Airport Recovery Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง เพื่อให้นักเดินทางต่างชาติได้ฟื้นฟูร่างกายระหว่างต่อเครื่อง รวมถึงการพัฒนา Longevity Hub ศูนย์รวมบริการสุขภาพ เทคโนโลยี และพื้นที่พักผ่อนในที่เดียว หรือแม้แต่การออกแบบแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพระยะสั้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น

อีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของ Longevity Economy คือ EEC (Eastern Economic Corridor) หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีการกำหนดให้อุตสาหกรรมการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมูลค่าสูงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ล่าสุด คณะกรรมการ EEC ได้อนุมัติแผนขยายศูนย์การแพทย์แห่งใหม่ในจังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุนด้านการแพทย์และนวัตกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอัจฉริยะและอุตสาหกรรมสุขภาพครบวงจร สอดคล้องโดยตรงกับแนวคิด Longevity Tourism เพราะเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพ ที่ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่

ด้วยจุดแข็งที่ไทยมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ หรือการบริการที่อบอุ่นเป็นกันเอง อาจพูดได้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาค และมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็น Longevity Hub แห่งเอเชีย ที่เชื่อมโยงทั้งการแพทย์ การท่องเที่ยว และนวัตกรรมสุขภาพเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

Share this article

Subscribe to InnoHub!

Stay updated and inspired

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ