ตลอดสองปีที่ผ่านมา ข่าวการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในต่างประเทศเกิดขึ้นแทบทุกไตรมาส ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เราคุ้นชื่อ ปรากฏการณ์นี้ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า AI อาจเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์เร็วกว่าที่คาดไว้หรือไม่ แต่เมื่อมองให้ลึกลงไป ตัวเลขที่ดูเหมือนว่าคนหายไปจากตลาดแรงงานกลับไม่สะท้อนภาพทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะแรงงานมนุษย์ไม่ได้ถูกลบออกจากระบบงาน เพียงแต่กำลังถูกขยับไปสู่บทบาทใหม่ที่แตกต่างจากเดิม
นี่คือภาพสะท้อนสองด้านของยุค AI ด้านหนึ่งคือความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้งานบางประเภทถูกทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ส่วนอีกด้านคือความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจร่วมกัน
งานธุรการทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในปี 2568 AI ไม่นับว่าเป็นของเล่นใหม่อีกต่อไป เทคโนโลยีนี้เริ่มเข้าไปแทนที่งานธุรการยิบย่อยต่าง ๆ ในองค์กรจริง ๆ โดยเฉพาะงานหลังบ้านที่ต้องใช้เวลาแต่ไม่ได้สร้างมูลค่าโดยตรง เช่น การกรอกข้อมูล ตอบคำถามพนักงาน หรือจัดการเอกสาร
รายงาน Microsoft Work Trend Index ชี้ว่าผู้นำองค์กรถึง 82% เชื่อว่าแรงงานดิจิทัลหรือ AI Agent จะช่วยขยายศักยภาพการทำงานของทีม และเราก็เริ่มเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วผ่านการใช้งาน Copilot ของ Microsoft และ Gemini ของ Google ที่ช่วยลดเวลาทำงานด้านเอกสารอย่างมีนัยสำคัญ
หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ IBM ซึ่งเปิดเผยว่าเครื่องมือ AI ภายในองค์กรชื่อ AskHR สามารถทำงานด้านทรัพยากรบุคคลแบบอัตโนมัติได้มากถึง 94% และช่วยเพิ่มผลิตภาพรวมกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณค่าของงานธุรการหายไป แต่สะท้อนว่างานประเภทนี้กำลังถูกจัดการด้วยวิธีใหม่ที่มีต้นทุนน้อยกว่าเดิม
ทำไมบริษัทปลดคน แล้วยังต้องจ้างเพิ่ม?
ปรากฏการณ์อีกด้านที่เกิดขึ้นควบคู่กันคือ แม้หลายบริษัทจะปลดพนักงานในบางตำแหน่งออก แต่กลับประกาศเปิดรับสมัครงานใหม่จำนวนมากในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งหากมองลึกลงไปจะพบว่า ตำแหน่งงานใหม่เหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับระบบที่ AI ช่วยให้ธุรกิจเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบ AI เอง การดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ การวางกลยุทธ์ดิจิทัล หรือการออกแบบโซลูชันที่ซับซ้อนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่นกรณีของ IBM ที่แม้จะปลดพนักงานหลังบ้านไปราว 8,000 คน แต่จำนวนพนักงานรวมกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทต้องการบุคลากรด้านระบบคลาวด์ ความปลอดภัย และ AI Consulting มากกว่าเดิม ในทำนองเดียวกัน Microsoft ลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง แต่ก็ประกาศขยายทีมโครงสร้างพื้นฐาน AI และศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในระยะยาว
รายงาน Work Trend Index ยังระบุว่าผู้จัดการ 28% กำลังเตรียมจ้าง “AI Workforce Manager” เพื่อนำทีมมนุษย์และ AI Agent ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และอีก 32% วางแผนจ้าง “AI Agent Specialist” ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะองค์กรต้องการคนออกแบบ ติดตั้ง และดูแลระบบ AI ให้เหมาะกับงานจริงในแต่ละแผนก ตำแหน่งงานเหล่านี้ไม่เคยมีในอดีต และเป็นตัวอย่างชัดเจนของงานที่ AI ไม่สามารถทำแทนได้ เพราะต้องใช้วิจารณญาณ ความเข้าใจธุรกิจ และการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อนในระดับที่ยังต้องพึ่งมนุษย์
ความท้าทายใหม่ ที่มาพร้อมตำแหน่งงานใหม่
การนำ AI เข้ามาช่วยงานในหลายองค์กรทำให้รูปแบบการทำงานบางส่วนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเปิดโอกาสสำหรับการพัฒนาธุรกิจในด้านใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือบริการดิจิทัลที่ซับซ้อนขึ้น แต่การขยับไปสู่ทิศทางเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความท้าทายสำคัญ นั่นคือ ทักษะที่จำเป็นสำหรับงานยุคใหม่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
งานใหม่จำนวนมากต้องการความสามารถด้านดิจิทัลและการคิดเชิงระบบ ตั้งแต่การทำงานกับข้อมูล การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงความเข้าใจระบบอัตโนมัติและการใช้ AI ในระดับปฏิบัติงาน ซึ่งแรงงานจำนวนมากยังไม่มีทักษะที่จำเป็นสำหรับงานเหล่านี้ ข้อมูลจาก OECD ระบุว่า 40% ของงานสมัยใหม่ต้องใช้ทักษะดิจิทัลขั้นสูง แต่มีเพียง 33% ของแรงงานที่มั่นใจว่าตัวเองสามารถทำงานเหล่านี้ได้จริง
สำหรับประเทศไทย รายงานจาก UNESCO ชี้ว่าเรายังขาดบุคลากรด้าน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงมากกว่า 80,000 คน ความท้าทายที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า “มีงานหรือไม่” แต่คือ “เรามีคนที่พร้อมทำงานเหล่านั้นมากแค่ไหน”
AI ไม่ได้ทำให้มนุษย์หายไป แต่ย้ายไปทำบทบาทอื่น
รายงาน WEF Future of Jobs คาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 จะมีงานถูกแทนที่ราว 92 ล้านตำแหน่ง แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีงานใหม่เกิดขึ้น 170 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งชี้ให้เห็นการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงานครั้งใหญ่
สำหรับประเทศไทย นี่คือสัญญาณเตือนว่าเราต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น ความท้าทายคือการทำให้คนทำงานพร้อมสำหรับงานยุคใหม่ก่อนที่ตลาดจะทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง และโอกาสคือการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจที่มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกันได้อย่างมีศักยภาพที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว AI ไม่ได้กำลังลบมนุษย์ออกจากตลาดแรงงาน แต่กำลังทำให้มนุษย์ “ย้ายบทบาท” ไปยังพื้นที่ที่ความสามารถและการตัดสินใจของมนุษย์ยังมีความหมายมากที่สุด