อัพเดท Automotive รถไร้คนขับ ก่อนใช้จริง
Autonomous Driving หรือ เทคโนโลยีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ หากว่ากันตามจริง สำหรับใครที่ติดตามข่าวมาตลอด เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เทคโนโลยีตัวนี้ถูกพัฒนาเรื่อยมาตั้งแต่หลายปีก่อนโดยหลายบริษัท อาทิ Google และ Tesla เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบแล้วเรียบร้อย พร้อมที่จะ Launch ให้สามารถใช้งานจริงเร็วๆ นี้ อีกทั้งประเทศฝรั่งเศส และเยอรมัน ยังได้นำร่องออกกฏหมายเพื่อรองรับเทคโนโลยีตัวนี้ไปแล้วด้วย
จะดีแค่ไหนถ้ารู้สึกเหนื่อย แล้วไม่ต้องขับรถเอง ให้รถยนต์ทำหน้าที่ขับแทนเรา? เทคโนลยีนี้มีอยู่จริง และพร้อมที่จะ Launch เร็วๆ นี้ด้วย Autonomous Driving หรือเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งขณะนี้ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน ยังได้นำร่องออกกฏหมายเพื่อรองรับเทคโนโลยีตัวนี้ไปแล้วด้วย
เมื่อพูดถึง Autonomous Driving แล้ว เทคโนโลยีตัวสำคัญที่ต้องพูดถึงคือ เทคโนโลยี Advanced Driver Assistance Systems หรือ ADAS คือระบบที่รับหน้าที่คอยช่วยในการขับขี่ ระบบนี้จะเป็นเสมือนระบบ Auto-Pilot บนเครื่องบินที่ยกมาไว้ในรถยนต์ โดย ADAS ขับรถแทนคุณได้สบายๆ นักวิเคราะห์ประเมินว่าข้อดีของระบบนี้ เสถียรมากจากการที่ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนระบบคนขับที่มีทักษะเต็มเปี่ยม อัดด้วยระบบต่างๆ แน่นเอี๊ยด
ถ้าถามถึงประโยชน์ที่ผู้ขับขี่จะได้รับจากเทคโนโลยี ADAS คงไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะได้กำไรมากเท่าความปลอดภัยที่เราจะได้ ปัจจุบันระบบ ADAS ที่ถูกพัฒนาอยู่นั้น เรียกว่าระบบ “Active Safety System” เพื่อไปนำไปสู่ “Vision Zero” หรือการใช้ยานพาหนะที่อัตราการเกิดอุบัติเหตุเป็นศูนย์ในอนาคต อีกทั้งเทคโนโลยี ADAS ยังลดต้นทุนการใช้จ่ายทางเทคโนโลยีได้โดยตรง นักวิเคราะห์มองว่า ระบบ ADAS จะเข้ามาทำงานร่วมกับระบบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย
ตัวอย่าง Autonomous Driving ที่เห็นได้ชัดคือ เทคโนโลยี GM Cruise AV ของบริษัท General Motor โดย GM Cruise AV คือ รถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบสำหรับ Ride-Sharing ที่วางแผนว่าจะเปิดตัวในปี 2019 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Chevrolet Bolt รถยนต์ไฟฟ้า Zero Emission ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน เพียงแต่ภายในจะไม่มีพวงมาลัย คันเร่ง เบรก สำหรับการควบคุม ยกเว้นจอทัชสกรีนตรงกลางแสดงข้อมูลในการเดินทางเท่านั้น จุดเด่นคือ การแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย หรือสั่งปิดประตูรถผ่านหน้าจอ อีกทั้งรอบตัวรถจะติดตั้ง กล้อง เซ็นเซอร์ เรดาร์ และระบบช่วยขับขี่ Automated Driving System 2.0 ที่พัฒนาให้มีความปลอดภัยสูงจากการคิดค้นพัฒนาอย่างหนักให้ใช้งานได้จริง
อีกจุดเด่นที่หลายคนต้องไม่พลาด คือ ระบบ Ride-Sharing คือ ระบบนี้จะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันรับ-ส่งผู้โดยสารต่างๆ อาทิ Uber โดยเจ้ารถยนต์คันนี้จะไปรับผู้โดยสารและส่งถึงที่หมายได้โดยผ่านระบบตอบรับด้วยตัวเอง ใครที่สนใจดูปฏิทินนับวันรอกันได้เลย เพราะรับรองว่าไม่เกินปี 2019 นี้ ระบบ Automotive AI หรือ เทคโนโลยีรถไร้คนขับ จะมีมาให้เริ่มทดลองใช้อย่างสมการรอคอยกันแน่นอน
#BangkokBank #BangkokBankInnoHubSeason2 #InspiringChange#UnleashthePotential