Autonomous Vehicle (AV) : โลกอนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อยานยนต์ไร้คนขับใช้งานได้จริง

February 11, 2021

ยานพาหนะไร้คนขับโลดแล่นนอกจอภาพยนตร์แล้ว

มนุษย์เริ่มวาดฝันถึงการเดินทางด้วยยานพาหนะไร้คนขับเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน หนึ่งในร่องรอยของจินตนาการที่เก่าแก่ที่สุด คือ การ์ตูนจาก Disney เรื่อง Magic Highway ในปี 1958 ในขณะที่ภาพยนต์แห่งอนาคตที่ผู้คนจำนวนมากจดจำได้ คงหนีไม่พ้นรถบินได้สีฟ้าของ รอน วีสลีย์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ สองพ่อมดคู่หูแห่งโลกเวทมนตร์

ในแวดวงเทคโนโลยี ก็ได้เร่งพัฒนางานวิจัยเพื่อสร้างยานพาหนะไร้คนขับที่สามารถใช้งานได้ในชีวิตจริง โดยในปี 2004 หน่วยงานพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DARPA) ของสหรัฐฯ ได้จัดการแข่งขันยานยนต์ไร้คนขับ ทว่าไม่มีรถคันไหนสามารถบรรลุระยะทาง 240 กิโลเมตรได้ ปัจจุบันเทคโนโลยี Autonomous Vehicle (AV) ที่พัฒนาต่อเนื่องมาเกือบสองทศวรรษ ได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วและใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ทุกคนต่างกระโจนเข้าแข่งขันบนถนนสายนี้

บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหาร McKinsey & Company คาดการณ์ว่าเงินจำนวนมากถึง 35 พันล้านดอลลาร์จะไหลเวียนเข้าสู่แวดวงยานพาหนะไร้คนขับภายในปี 2021 โดยผู้เล่นคนสำคัญที่ทั่วโลกต่างจับตามอง คือ Tesla ซึ่งเมื่อปี 2019 ทำยอดขายยานพาหนะไร้คนขับ เช่น การเปลี่ยนเลนได้เองบนทางด่วน หรือการจอดรถเข้าซอง ได้รวม 367,500 คัน ในขณะที่ บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Uber Apple Amazon และ Google ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับของตัวเอง  รวมถึงสตาร์ทอัพอีกกว่า 1,700 แห่ง เช่น TuSimple ที่กำลังพัฒนารถบรรทุกสินค้าไร้คนขับ

มนุษย์ปลอดภัยกว่าเมื่อใช้ยานยนต์ไร้คนขับ

สาเหตุที่บริษัทต่างๆ ทุ่มเม็ดเงินเพื่อลงทุนในยานยนต์ไร้คนขับ อันดับแรก คือ เทคโนโลยีนี้สามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากมาย องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าสาเหตุหลักจากสถิติการเสียชีวิต 1.3 ล้านคน ในทุกปีนั้นมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เช่น เมาแล้วขับ หรือ ขับรถเร็วเกินกำหนด เป็นต้น ซึ่งสองหมื่นกว่าคนในจำนวนนั้นคือชาวไทย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 545,435 ล้านบาทต่อปี ตามการคำนวณของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับยังสามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้อีกหลายประการ เช่น University of Ohio พบว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยลดระยะเวลาการรอรถแท็กซี่จาก 5 นาที เหลือเพียง 36 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุหรือผู้ทุพพลภาพหลายล้านคนทั่วโลกจะมีอิสระในการเดินทางมากขึ้นอีกด้วย

เสร็จสมบูรณ์พร้อมขับในอีกสองทศวรรษ

ยานพาหนะไร้คนขับที่สามารถบุกป่าฝ่าดงได้ทุกสภาวะ ที่ผ่านเกณฑ์สากลระดับ 5 ของ Society of Automotive Engineers (SAE) นั้นอาจต้องใช้เวลาพัฒนาอีกกว่า 20 ปี เพราะต้องปรับแก้ข้อบกพร่องที่อาจทำให้มีผู้เสียชีวิต และรอความพร้อมด้านกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นของสาธารณชน ในขณะที่ “รถบินได้อัตโนมัติ” ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยสตาร์ทอัพมากกว่าแปดแห่งทั่วโลก

Share this article

Subscribe to InnoHub!

Stay updated and inspired

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ