ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นนวัตกรรมที่หลายองค์กรทั่วโลกต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญและตั้งใจใช้พัฒนาธุรกิจให้เติบโตเท่าทันความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค วันนี้ InnoHub เลยขอแนะนำ 3 แนวทางการนำเทคโนโลยี AI มายกระดับกระบวนการทำงานและธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จและได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกคน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ปัญญาประดิษฐ์มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไรบ้าง
หนึ่งในนวัตกรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุดตอนนี้ คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซอฟต์แวร์ที่มีความเฉลียวฉลาดทัดเทียมกับมนุษย์ สามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาซับซ้อนต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ตัวอย่าง เช่น ChatGPT ที่ทั้งตอบคำถาม ตรวจภาษา เขียนโปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ Perplexity เครื่องมือค้นหาด้วยพลังของ AI ที่อาจกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Google และตัวอย่างสุดท้าย Sora ปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดจาก บริษัท OpenAI ที่สามารถแปลงคำสั่งข้อความให้กลายเป็นวิดีโอได้อย่างสวยงามสมจริง จนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นผลงานจากพลังของ AI เท่านั้น โดยปัจจุบัน 44% ของบริษัททั่วโลกได้เริ่มนำ AI มาใช้งานแล้ว และคาดว่าจะช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ในองค์กรได้มากถึง 40%
อย่างไรก็ตาม การที่จะองค์กรหนึ่งจะเริ่มนำเทคโนโลยี AI เหล่านี้มาขับเคลื่อนการดำเนินงานของทุกแผนกให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้จริง ๆ นั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คิด เพราะมักจะต้องฝ่าความท้าทายหลายด้านโดยเฉพาะเรื่องของลิขสิทธิ์ ศีลธรรม หรือการไม่สามารถปรับตัวเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของพนักงาน ดังนั้นผู้ประกอบการควรประยุกต์ใช้แนวทางหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ก่อนเพื่อให้การใช้งานนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้มากที่สุด
- สื่อสารอย่างเปิดเผยและโปร่งใส
วิธีการสำคัญข้อแรกสำหรับการนำเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์มาใช้ยกระดับการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นโดยการสื่อสารและบอกกล่าวกับพนักงานทุกระดับชั้นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และละเอียดชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ของการที่บริษัทกำลังจะนำ AI เข้ามาพัฒนากระบวนการทำงาน แผนกหรือหน่วยงานไหนในองค์กรจะได้รับผลกระทบบ้าง เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวทำงานอย่างไร รวมถึงประโยชน์ที่เทคโนโลยีนี้จะสร้างให้ทั้งต่อตัวพนักงานเองและในระดับองค์กรด้วย
นอกจากความโปร่งใสในการใช้งานปัญญาประดิษฐ์นี้จะช่วยให้พนักงานทุกคนเข้าใจทิศทางที่บริษัทกำลังเดินธุรกิจแล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดความไว้เนื้อเชื้อใจ หรือ Trust ในตัวผู้นำและองค์กร พร้อมกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกถึงความสำคัญของตัวเอง ได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วม หรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการใช้นวัตกรรม AI เพื่อพัฒนาธุรกิจอีกด้วย โดยองค์กรอาจเลือกวิธีการสื่อสารอย่างโปร่งใสด้วยการจัดประชุมแบบ Town Hall เป็นประจำเพื่ออัปเดตและเปิดเผยกลยุทธ์การใช้งาน AI ให้พนักงานทุกคนรับทราบ หรือการจัดกิจกรรม Ask Me Anything ที่พนักงานทุกคนสามารถถามคำถามแบบนิรนามกับหัวหน้าได้ เป็นต้น
- ใส่ใจด้านจรรยาบรรณและจริยธรรม
แม้ว่าการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในองค์กรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่สิ่งที่ตามมาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือความกังวลและข้อสงสัยด้านการกำกับดูแลและจริยธรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น พนักงานหลายคนอาจรู้สึกไม่สบายใจว่า AI จะเข้ามาลดบทบาทความสำคัญของงานตัวเอง จนส่งผลให้ความทุ่มเทและประสิทธิภาพการทำงานลดลง นอกจากนี้ เครื่องมือ AI ทุกประเภทยังมีแง่มุมที่ก่อให้เกิดความกังวลในใจใครหลายคนได้เสมอ ตัวอย่าง หากองค์กรเลือกใช้ Generative AI เช่น ChatGPT และ Midjourney ที่สามารถช่วยผลิตคอนเทนต์และภาพประกอบสวย ๆ ก็จำเป็นต้องอบรมให้พนักงานระมัดระวังเรื่องลิขสิทธิ์เพื่อใช้งานอย่างถูกวิธีและปลอดภัย หรือหากใช้แพลตฟอร์ม AI สำหรับการติดต่อสื่อสารและบริหารโปรเจกต์ ก็ควรอธิบายชี้แจงให้พนักงานคลายกังวลว่าองค์กรจะไม่คอยสอดส่องการทำงานและข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการเก็บรักษาอย่างดี
- สนับสนุนการเรียนรู้และการฝึกอบรบ
แนวทางในการรีดประสิทธิภาพของ AI ข้อสุดท้ายที่ InnoHub หยิบมาในวันนี้ คือ การส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนเปิดใจรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และหมั่นติดตามข่าวสารให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทั่วโลกอยู่เสมอ โดยอาจจัดสัมมนาอบรมเกี่ยวกับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่น่าสนใจให้กับพนักงาน การสนับสนุนงบประมาณสำหรับสมัครเรียนคอร์สออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะ การเปิดโอกาสให้หัวหน้างานใช้เวลาทำความรู้จักพูดคุย อธิบายถึงเป้าหมาย ความคาดหวัง รวมถึงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Feedback) ที่มีต่อตัวพนักงานคนนั้นอย่างชัดเจน เพราะหากองค์กรหยิบเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ต่าง ๆ มาใช้ทันทีโดยลืมคำนึงถึงปัจจัยด้านนี้ อาจไม่สามารถพัฒนาธุรกิจและยกระดับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างแท้จริงนั่นเอง