จับตาฟองสบู่ AI เมื่อเทคโนโลยีใหม่ใกล้ถึงจุดเดือด

ตุลาคม 24, 2025

ในเวลาเพียงไม่กี่ปี AI ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระดับโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันต่างเทเงินมหาศาลเข้าสู่ตลาดนี้ โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคต่อไปได้จริง

แต่ในขณะที่เงินลงทุนหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหุ้นและบริษัทในอุตสาหกรรม AI กลับเติบโตเร็วกว่ากำไรจริงอย่างมีนัยสำคัญ หลายฝ่ายจึงเริ่มตั้งคำถามว่า กระแสนี้คือความหวังของอนาคต หรือคือฟองสบู่ครั้งใหม่ของโลกเทคโนโลยีกันแน่

AI กับฟองสบู่ที่กำลังก่อตัว

ความนิยมของ AI ในปัจจุบันเกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างความก้าวหน้าทางนวัตกรรม ความทะเยอทะยานของนักลงทุน และความคาดหวังของตลาดโลก 

ตั้งแต่ พ.ศ. 2565 เป็นต้นมา เราได้เห็นการถือกำเนิดของโมเดล Generative AI อย่าง ChatGPT, Gemini และ Claude ที่เปลี่ยนการทำงานของมนุษย์ในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตคอนเทนต์ การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการเขียนโค้ดโปรแกรม ทั้งหมดนี้ทำให้คนเชื่อว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ AI แล้วจริงๆ

ในขณะเดียวกันการเติบโตของ AI ก็กระตุ้นให้เกิดสงครามชิปประมวลผลขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยชิป GPU ของบริษัท Nvidia ถึงกับถูกยกให้เป็น “ทองคำแห่งยุคดิจิทัล” เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่ ความต้องการที่พุ่งสูงจนซัปพลายแทบไม่เพียงพอ

บรรยากาศนี้ทำให้หลายองค์กรทั่วโลกต่างเร่งประกาศว่าเทคโนโลยีของตน “ขับเคลื่อนด้วย AI” แม้ว่าจะยังไม่มีแนวทางการสร้างผลตอบแทนที่แน่ชัด หลายโครงการยังอยู่ในขั้นทดลอง หรือยังไม่มีรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืน

นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนบางส่วนจึงเริ่มมองว่านี่คือสัญญาณของการเกิดฟองสบู่ เงินทุนไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วในขณะที่ผลลัพธ์ยังไม่ทันเกิดขึ้นจริง Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ยังเคยให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า นี่คือฟองสบู่ AI ที่แท้จริง แต่ก็เป็นฟองสบู่ที่ “อาจยังมีประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว” เพราะมันกำลังผลักดันให้องค์กรทั่วโลกสร้างโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และองค์ความรู้ที่จำเป็นต่ออนาคต

ฟองสบู่ครั้งนี้… อาจไม่เหมือนครั้งก่อน

แม้หลายฝ่ายจะเปรียบเทียบฟองสบู่ AI กับยุคดอตคอม (Dot-com Bubble) ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หรือแม้กระทั่งคริปโตในช่วงประมาณปี 2561 แต่ความแตกต่างสำคัญคือ ครั้งนี้ AI มีเทคโนโลยีที่จับต้องได้และกำลังถูกใช้งานจริงทั่วโลก

ตัวอย่างเช่น ระบบคลาวด์ ชิป GPU และโมเดล AI ถูกนำไปใช้จริงในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่โลจิสติกส์ การผลิต พลังงาน ไปจนถึงบริการลูกค้า บริษัทใหญ่ทั่วโลกเริ่มใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเปิดตลาดใหม่ แม้ราคาหุ้นจะผันผวนตามกระแสการเก็งกำไร แต่โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ ทั้งฮาร์ดแวร์ อัลกอริทึม และบุคลากรที่มีทักษะ จะไม่หายไปพร้อมตัวเลขในตลาด

ประเทศไทยอยู่ตรงไหนในคลื่นลูกนี้

กระแส AI ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ หรือจีนเท่านั้น ประเทศไทยเองก็กำลังเร่งวางรากฐานเพื่อก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ

ปัจจุบัน บริษัทระดับโลกอย่าง AWS, Microsoft และ Gulf Energy กำลังลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทยเพื่อรองรับการใช้งานคลาวด์และ AI ในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกัน ภาครัฐได้เปิดตัว แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (AI Thailand) เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ AI เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน

ในแง่หนึ่ง การที่ตลาดโลกเริ่มตั้งคำถามต่อความคุ้มค่าของการลงทุน อาจกลายเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยหันมาพัฒนา AI เพื่อประโยชน์จริงในระดับประเทศ เช่น ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ การเกษตรแม่นยำ หรือโมเดลคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย และสร้างความได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจในอนาคต

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกการปฏิวัติทางเทคโนโลยีล้วนมี ช่วงฟองสบู่ของตัวเอง

หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ฟองสบู่ไม่ได้ทำลายเทคโนโลยีเสมอไป แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมในระยะยาว บริษัท Google และ Amazon ถูกก่อตั้งขึ้นก่อนฟองสบู่ดอตคอมแตก แต่พวกเขารอดพ้นจากวิกฤตและเติบโตขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ ส่วนฟองสบู่พลังงานหมุนเวียนก็ทำให้เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์และพลังงานสะอาดพัฒนาเร็วขึ้น ดังนั้น ฟองสบู่ AI เองก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่มนุษย์เรียนรู้จะอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Share this article

กดติดตาม InnoHub

เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ