InsurTech ปลดล็อกเรื่องประกันภัย ให้ชีวิตง่ายขึ้น

พฤศจิกายน 30, 2018

InsurTech ปลดล็อกเรื่องประกันภัย ให้ชีวิตง่ายขึ้น

           รู้หรือไม่ ว่าปัจจุบันในอุตสาหกรรมประกันไม่เพียงแต่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ แต่พวกเขามีสาขาของเทคโนโลยีแยกย่อยสำหรับธุรกิจประกันโดยเฉพาะที่เรียกว่า Insurance Technology (InsurTech) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การแก้ 4 ปัญหาหลัก อันได้แก่ การจัดประกันให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย การขายและการจัดการระบบของธุรกิจประกัน การพิจารณาอนุมัติประกันให้ลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพให้การเคลม ซึ่งเราจะมาดูกันว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ มาช่วยให้การทำประกันเป็นเรื่องง่ายสำหรับชีวิตเรามากขึ้น

           ตัวอย่างแพลตฟอร์มการซื้อประกันจากสหรัฐอเมริกา Insurify, CoverHound และจากเยอรมัน Friendsurance ที่นอกจากจะให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบประกันแต่ละราย อ่านรีวิว ยังสามารถค้นหารูปแบบประกัน เลือกแบบที่เหมาะกับแต่ละบุคคล และสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง

           ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สตาร์ทอัพ Lemonade ได้พัฒนา Chatbot ชื่อว่า Jim ให้บริการเป็นผู้ช่วยในการเคลมค่าเสียหาย โดยเมื่อลูกค้าติดต่อแจ้งเคลม Jim จะถามคำถามเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องการเคลมผ่านการพิมพ์ข้อความตอบโต้และการอัดวิดีโอเล่าเรื่องของลูกค้า จากนั้น Jim จะรวบรวมข้อมูลไปประมวลผลด้วย AI และดำเนินการเคลม ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้ตั้งแต่เริ่มใช้เวลาโดยเฉลี่ยเพียง 3 นาที และ Jim สามารถประมวลผลอนุมัติการเคลมได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

           ทางด้าน Tokio Marine Holdings บริษัทประกันภัยรายใหญ่จากญี่ปุ่น เตรียมนำเทคโนโลยี AI เข้ามาให้บริการเคลมค่าเสียหายอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในวันเดียว โดยจะพัฒนาแอปพลิเคชันที่ระบุตำแหน่งของอุบัติเหตุและให้ผู้ใช้อัพโหลดภาพความเสียหายเข้าไปในระบบ เมื่อได้รับข้อมูล AI จะประมวลผลภาพและตำแหน่งดังกล่าวร่วมกับประวัติอุบัติเหตุและข้อมูลของรถยนต์รุ่นนั้นๆ เพื่อประเมินค่าเสียหายอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ลูกค้าประกันได้รับเงินเคลมภายในเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับขั้นตอนที่กินเวลา 2-3 สัปดาห์ในปัจจุบัน

           สำหรับประเทศไทยเอง มีสตาร์ทอัพที่มีบริการออกเอกสารเคลมประกันอุบัติเหตุทางท้องถนนให้ลูกค้าโดยไม่ต้องอาศัยพนักงานตรวจสอบ เพียงคู่กรณีทั้งสองเขย่าแอปพลิเคชัน Claim Di เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน แล้วทำการถ่ายรูปความเสียหายรถรอบคันเท่านั้นก็สามารถนำเอกสารเคลมในแอปไปส่งซ่อมได้ทันที ประหยัดเวลาให้กับทั้งคู่กรณีและพนักงานจากบริษัทประกันภัย

           ขณะที่ปัญหาซึ่งบริษัทประกันมักประสบคือการฉ้อโกง แต่ด้วยซอฟแวร์ตรวจจับการฉ้อโกงจะมาช่วยยกระดับให้กับธุรกิจประกันภัย เช่น Shift Technology เสนอประกันแบบ end-to-end เป็นโซลูชันที่ให้ผู้ใช้วิเคราะห์และตรวจสอบการดำเนินการที่ดูน่าสงสัย ช่วยให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำและเชื่อมต่อกับการดำเนินงานที่มีอยู่ได้ง่ายดาย ซอร์ฟแวร์ของ Shift Technology ตรวจจับการฉ้อโกงได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดตรวจจับได้ถึง 250 เปอร์เซ็นต์

           ตัวอย่างทั้งหมดที่ยกมานี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของ InsurTech สายเคลมประกันที่เราน่าจะได้เห็นผู้เล่นใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกิจกรรมรอบๆ ตัวเรา เช่น การซื้อของ การทำธุรกรรม การจัดการเอกสาร ให้สะดวกสบายขึ้นเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกอะไรนักที่เราจะคาดหวังให้ขั้นตอนของประกันภัยนั้นสะดวกขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นภารกิจของธุรกิจประกันภัยและสตาร์ทอัพ InsurTech ทั้งหลายแล้วว่าจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเคลมให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไร

Share this article

กดติดตาม InnoHub

เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ