ส่องสตาร์ทอัพ Doublespeed เมื่อสแปมกลายเป็นโมเดลธุรกิจ

พฤศจิกายน 24, 2025

หลายคนอาจเคยเห็นคอนเทนต์สแปมในโซเชียลมีเดียผ่านตากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ขายของเดิม ๆ คอมเมนต์ประหลาด ๆ หรือบัญชีที่เหมือนมีไว้เพื่อกดไลก์อย่างเดียว ช่วงหนึ่งสแปมเหล่านี้เคยระบาดหนักจนผิดสังเกต หลายคนคิดว่าเป็นบอตธรรมดา แต่จริง ๆ แล้ว ตอนนี้มีธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ใช้ “สแปม” เป็นโมเดลหลัก และกำลังได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนใน Silicon Valley แบบจริงจัง

บทความนี้ InnoHub จะชวนไปรู้จัก Doublespeed สตาร์ทอัพที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก Andreessen Horowitz (a16z) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุน Venture Capital ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เม็ดเงินเล็ก ๆ และมันทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมกองทุนยักษ์ใหญ่ถึงสนใจธุรกิจที่ทำงานคล้ายกับ “ฟาร์มบอต” แบบนี้

Doublespeed คืออะไร? ทำไมถึงเป็นที่จับตา

Doublespeed นิยามตนเองว่าเป็นบริษัทที่ช่วยสร้างและกระจายคอนเทนต์จำนวนมากให้ลูกค้า ซึ่งในความเป็นจริง สิ่งที่พวกเขาทำคือการใช้โทรศัพท์หลายพันเครื่อง (Phone Farm) ทำกิจกรรมบนโซเชียลเหมือนผู้ใช้จริง ตั้งแต่เลื่อนฟีด กดไลก์ คอมเมนต์ ไปจนถึงโพสต์คอนเทนต์แบบต่าง ๆ

เบื้องหลังของโมเดลธุรกิจนี้คือ AI ซึ่งทำหน้าที่สร้างบัญชีใหม่และโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย โดยเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์จริง ๆ เพื่อหลอกระบบว่าเป็นผู้ใช้งานทั่วไป

ค่าบริการอยู่ที่ 1,500-7,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 49,000-243,000 บาท) แล้วแต่ปริมาณการใช้งาน หมายความว่าแบรนด์หรือบุคคลที่ต้องการเอ็นเกจเมนต์จำนวนมากแบบไม่ต้องรอก็สามารถจ่ายเงินแล้วให้ Doublespeed ทำให้ได้ทันที

ที่น่าสนใจคือ ผู้ร่วมก่อตั้งยังโพสต์ว่า “Claude code is truly our third cofounder.” ซึ่งตีความได้ว่า AI ของ Anthropic มีส่วนในการเขียนโค้ดของบริษัท สะท้อนภาพยุคสมัยใหม่ที่บางสตาร์ทอัพอาจมี AI เป็นผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนหนึ่งจริง ๆ

ทำไมธุรกิจแบบนี้ถึงเป็นประเด็น

แม้ Doublespeed จะมีลูกค้าจริงและโมเดลธุรกิจที่เห็นรายได้ชัดเจน แต่ก็มีปัญหาใหญ่คือการปั่นสแปมนับว่าผิดกฎแพลตฟอร์มโดยตรง ตัวอย่างเช่น Meta ซึ่งระบุชัดเจนว่าห้ามซื้อ-ขายเอ็นเกจเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นการกดถูกใจ, การแชร์, การดู หรือการติดตาม

แต่ในโลกความจริง กฎเหล่านี้ไม่สามารถป้องกันสแปมได้ทั้งหมด ผู้ใช้หลายคนเริ่มสังเกตว่าโลกออนไลน์เต็มไปด้วยบัญชีที่ดูเหมือนมนุษย์ แต่พฤติกรรมกลับซ้ำ ๆ เหมือนกันไปหมด จนผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่านี่คือภาวะถดถอยของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เมื่อคอนเทนต์จริงถูกกลบด้วยสแปมและปฏิสัมพันธ์ปลอม ๆ 

งานวิจัยในปี 2567 ยังชี้ว่าระบบตรวจจับบอตยุคใหม่เริ่มตามเทคนิคสร้างสแปมเหล่านี้ไม่ทัน เพราะฟาร์มแบบ Doublespeed ใช้อุปกรณ์จริงและพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ จึงทำให้การแยกแยะว่าบัญชีไหนคือของจริง บัญชีไหนถูกควบคุม ยากขึ้นกว่าเดิมมาก

สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย “AI Slop”

ตลอดสองปีมานี้ โลกอินเทอร์เน็ตต้องเจอกับคอนเทนต์ที่ถูกเรียกว่า AI Slop หรือก็คือเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นแบบเร็ว ปริมาณมาก คุณภาพต่ำ เพื่อให้ติด SEO หรือปั่นยอดการมองเห็น

เมื่อรวมกับบริการอย่าง Doublespeed ภาพรวมที่ได้คือโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลปริมาณมหาศาล แต่คุณค่าหรือความหมายจริง ๆ กลับลดน้อยลงทุกวัน

ผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่แค่ความรำคาญ หรือหน้าฟีดที่รกขึ้น แต่ธุรกิจที่ใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียอาจทำงานได้ยากขึ้น เพราะตัวชี้วัด เช่น ยอดการเข้าถึง หรือเอ็นเกจเมนต์ต่าง ๆ อาจไม่ได้สะท้อนพฤติกรรมของผู้บริโภคจริง ๆ อีกต่อไป ซึ่งทำให้การตัดสินใจเชิงการตลาดคลาดเคลื่อน และกระทบความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว

เอ็นเกจเมนต์ซื้อได้ แต่ความเชื่อใจซื้อไม่ได้

Doublespeed คือภาพสะท้อนชัดเจนของยุคที่ AI สามารถผลิตทั้งคอนเทนต์และเอ็นเกจเมนต์ได้ในระดับอุตสาหกรรม จนปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลหลายอย่างอาจไม่ใช่เสียงของ “ผู้ใช้งานจริง” อีกต่อไป แต่เป็นเพียงสัญญาณเทียมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งแย่งความสนใจเท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว ท่ามกลางเอ็นเกจเมนต์ที่ซื้อได้ง่ายพอ ๆ กับการซื้อโฆษณา สิ่งเดียวที่ยังปลอมไม่ได้ในชั่วข้ามคืนคือความน่าเชื่อถือ และนี่อาจกลายเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด สำหรับแบรนด์ แพลตฟอร์ม ไปจนถึงผู้ใช้งานทั่วไป ในวันที่ตัวเลขบนหน้าจอไม่อาจยืนยันความจริงได้อีกต่อไป

Share this article

กดติดตาม InnoHub

เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ

เรานำข้อมูลมาใช้เพื่อการส่งมอบคอนเทนต์และบริการอย่างเหมาะสม เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Privacy Policy และคลิกสมัครเพื่อดำเนินการต่อ