แม้ว่าการบริหารจัดการให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นโดยถูกต้องตามกฎระเบียบและข้อบังคับของหน่วยงานผู้กำกับดูแลจะเป็นเรื่องสำคัญของทุก ๆ องค์กร แต่ความท้าทายสำคัญคือกระบวนการต่าง ๆ มักซ้ำซ้อน เต็มไปด้วยข้อมูลและเอกสารกระจัดกระจาย InnoHub จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยี RegTech หรือ Regulatory Technology ที่สามารถพัฒนาการดำเนินงานดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
RegTech คืออะไร
เทคโนโลยี RegTech หมายถึงซอฟต์แวร์ที่เข้ามาช่วยองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสถาบันการเงินและธนาคารให้สามารถแปลงขั้นตอนการดำเนินงานด้านการกำกับดูแล (Compliance) ที่มักจะยุ่งยากซับซ้อนและต้องใช้กำลังคนมากมายให้ดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ รวดเร็วว่องไว และถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการด้านการเงินต้องปฏิบัติตามข้อบังคับจากหน่วยงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยหนึ่งในกฎระเบียบที่หลายคนอาจเคยได้ยินมาก่อน คือ KYC หรือ Know Your Customer ที่ธุรกิจต้องพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าก่อนอนุมัติเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อป้องกันการทุจริตและปราบปรามการฟอกเงินนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม 90% ของภาคธุรกิจการเงินทั่วโลกรายงานว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนของกฎระเบียบข้อบังคับในงานการกำกับดูแลกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จึงเป็นเหตุให้องค์กรกว่า 85% ตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินลงทุนด้าน RegTech เพิ่มในอนาคตโดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI
4 จุดเด่นและลักษณะสำคัญของ RegTech
แม้ว่าองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ จะเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนางานด้านการกำกับดูแลตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว แต่นิยามของคำศัพท์อย่าง RegTech นั้นมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจแตกต่างจากสมัยก่อนถึง 4 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. Agility : ความรวดเร็วคล่องตัวในการใช้งานเป็นจุดเด่นแรกของ RegTech ยุคดิจิทัล เพราะซอฟต์แวร์รุ่นเก่ามักต้องใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งของผู้พัฒนาเพื่อแก้ไขเท่านั้น จึงไม่ค่อยยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งโดยเฉพาะในปัจจุบัน
2. Speed : RegTech สามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลสร้างเอกสารรายงานต่าง ๆ หรือ Reports ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วเพราะซอฟต์แวร์เข้ามาปรับเปลี่ยนขั้นตอนให้เป็นไปแบบอัตโนมัติยิ่งขึ้น
3. Integration : หน่วยงานและองค์กรภาคธุรกิจสามารถเลือกซื้อเทคโนโลยี RegTech และติดตั้งเพื่อเริ่มใช้งานได้อย่างง่ายดายกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์แบบ SaaS หรือ Software as a Service บนระบบคลาวด์ที่เอื้อให้เพิ่มหรือลดฟีเจอร์และราคาที่เหมาะสมกับความต้องการได้
4. Analytics : RegTech ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูล Big Data พร้อมนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นวิเคราะห์ ประมวลผล และรายงานอย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ด้านการกำกับดูแลและผู้เกี่ยวข้องทุกส่วนจึงสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นยำและพัฒนาการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น
- Digital Lending เทคโนโลยีสินเชื่อดิจิทัลและการปล่อยเงินกู้แห่งโลกอนาคต
- ประโยชน์ของเทคโนโลยีการจัดเก็บภาษี (Tax Technology)
บริษัท RegTech ที่น่าสนใจมีใครบ้าง
1.Clausematch
Clausematch ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2012 และกลายเป็นบริษัทด้าน RegTech ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้รับรางวัลสตาร์ทอัพ FinTech ระดับโลกประจำปี 2020 จากโครงการ FinTech Abu Dhabi รวมถึงเคยติด 1 ใน 10 บริษัทด้าน RegTech ที่น่าจับตามองมากที่สุดของ Financial News รายงานข่าวจากดัชนีหุ้น Dow Jones อีกด้วย
ตัวอย่างหน้าตาซอฟต์แวร์ RegTech ของ Clausematch
เทคโนโลยี RegTech ของ Clausematch มีฟังก์ชันหลากหลายที่พร้อมช่วยยกระดับการทำงานด้านกำกับดูแลในองค์กร ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยกันร่างนโยบายและกฎระเบียบพร้อมกันได้หลาย ๆ คนแบบเรียลไทม์ และยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย รวมถึงเผยแพร่ข้อบังคับใหม่ล่าสุดของบริษัทให้ทุกหน่วยงานรับทราบ พร้อมตรวจสอบว่าพนักงานได้ปฏิบัติตามกระบวนการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
2. Complyadvantage
Complyadvantage เป็นบริษัท RegTech สัญชาติอังกฤษที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ให้ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการฉ้อโกงและทุจริตทางการเงินโดยสามารถตรวจสอบธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดปกติมากกว่า 100 รูปแบบ สำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร ประกันภัย และสินเชื่อ เป็นต้น
หนึ่งในโซลูชันของ Complyadvantage ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการกำกับดูแลภายในสถาบันการเงิน คือ Customer Screening Software ที่ช่วยยกระดับการทำความรู้จักลูกค้า หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า KYC เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของแต่ละประเทศ โดยซอฟต์แวร์ตัวนี้สามารถตรวจสอบประวัติของผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีกับฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้แบบเรียลไทม์ภายในเวลาไม่กี่นาที จึงช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและให้บริการได้อย่างรวดเร็วจนสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า
3. Cavelo
หนึ่งใน RegTech ที่น่าสนใจบริษัทสุดท้ายที่ InnoHub คัดสรรมาฝากในบทความนี้ คือ Cavelo จากประเทศแคนนาดาที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีจุดเด่นเรื่องการกำกับดูแลข้อมูล Big Data ในบริษัทให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์และการรั่วไหล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทางธุรกิจและข้อมูลสำคัญส่วนตัวต่าง ๆ ของลูกค้า
ผลิตภัณฑ์ของ Cavelo สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ด้านการกำกับดูแลตรวจสอบและระบุได้ว่าในองค์กรมีข้อมูล Big Data ที่ต้องป้องกันประเภทไหนบ้าง จากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ชื่อดังอื่น ๆ เพื่อบริหารจัดการข้อมูล เช่น Google Workspace และ Salesforce รวมถึงช่วยแยกประเภทข้อมูลได้แบบอัตโนมัติอีกด้วย
ปัจจุบันเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กฎระเบียบข้อบังคับจากหน่วยงานผู้กำกับดูแลจึงซับซ้อนและท้าทายตามไปด้วย ภาคธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องน้อมรับนวัตกรรมสมัยใหม่อย่าง RegTech ให้เข้ามาพลิกโฉมกระบวนการทำงานและพาองค์กรให้เติบโตอย่างราบรื่นต่อไปในอนาคต