ทุกวันนี้เราต่างซื้อสินค้าและใช้บริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่บนโลกออนไลน์ที่ไร้พรมแดนนี้เราไม่สามารถยืนยันได้ด้วยตาตนเองว่าอีกฝั่งของหน้าจอคือใคร หรือสามารถเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เราจึงต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะช่วยรับรองว่าการทำธุรกรรมในแต่ละครั้งจะปลอดภัยจากการทุจริต รวมถึงใช้ยืนยันตัวตนเพื่อรับบริการมากมายที่มีอยู่บนโลกออนไลน์ ซึ่ง Digital ID คือกระบวนการที่จะเข้ามาตอบโจทย์นั้น Digital ID จะช่วยเหลือเหล่าผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ตลอดจนรัฐบาลได้อย่างไรบ้าง อ่านต่อด้านล่างนี้เลย!
Digital ID คืออะไร
Digital Identity (Digital ID) คือ กระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนบนโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเชื่อมโยงข้อมูลส่วนตัวเข้ากับตัวบุคคล สามารถระบุตัวตนได้อย่างแม่นยำ มีความน่าเชื่อถือ ทำให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรม การประกอบธุรกิจ การรับการรักษาพยาบาล และการรับบริการจากหน่วยงานรัฐ
โครงการ ID4D (Identification for Development) โดยธนาคารโลกได้ทำการศึกษาในปี 2021 และพบว่าประชากรราว 850 ล้านคนทั่วโลกไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนที่ออกโดยทางราชการ ทำให้บุคคลเหล่านี้ประสบปัญหาในการใช้บริการทางการเงิน การรับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐ การสมัครงาน รวมถึงการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ยิ่งไปกว่านั้น จากการสำรวจพบว่าเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ไม่มีบัตรประชาชนประสบปัญหาในการลงทะเบียนซิมการ์ด หรือใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และ 25 เปอร์เซ็นต์ประสบปัญหาในการรับการรักษาพยาบาล
การนำเสนอสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์ที่มากขึ้นในปัจจุบันจึงยิ่งเน้นย้ำความจำเป็นของ Digital ID ในการรักษาสิทธิของประชาชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมตั้งแต่ระดับผู้บริโภค ผู้ประกอบการรายย่อย เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ ไปจนถึงระดับประเทศ
Digital ID มีประโยชน์ต่อใครบ้าง
- ผู้บริโภค
ผู้ที่ได้รับประโยชน์อันดับแรกจากการใช้ Digital ID จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากผู้บริโภค นอกจากการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลจะช่วยย่นระยะเวลาในขั้นตอนการชำระเงินขณะซื้อสินค้าได้แล้ว กระบวนการนี้ยังสามารถช่วยให้เจ้าของ ID สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางและการตระเตรียมเอกสารที่ยุ่งยากอีกต่อไป
ที่สำคัญคือ Digital ID มีระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยที่รัดกุม สามารถบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การดูแลของหน่วยงานผู้ให้บริการ ยกตัวอย่างเช่น National Digital ID (NDID) ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดการกระจายข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้ไม่มีการเก็บข้อมูลไว้ที่ระบบ ส่วนผู้ดูแลระบบของ NDID ก็จะไม่สามารถมองเห็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้
- ผู้ประกอบการ E-commerce
การยืนยันตัวตนถือเป็นปัจจัยพื้นฐานของการสร้างความไว้วางใจ Digital ID สามารถช่วยอำนวยความสะดวกเจ้าของร้านค้าออนไลน์ในการลงทะเบียนและยืนยันบัญชีของทางร้าน ทำให้ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือ เพิ่มโอกาสในการรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ นอกจากนี้ ด้วยระบบการจัดการข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ประกอบกับกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวมิติ เช่น การสแกนใบหน้า Digital ID จะช่วยลดความเสี่ยงของการทุจริตในกระบวนการซื้อขายได้
- ธุรกิจต่าง ๆ
Digital ID จะทำให้การจดทะเบียนบริษัท และการทำธุรกิจกลายเป็นเรื่องง่าย ตัวอย่างเช่น โครงการ e-Residency ที่รัฐบาลเอสโตเนียก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเป็นพลเมืองดิจิทัลของเอสโตเนีย อีกทั้งยังสามารถดำเนินธุรกิจในประเทศเอสโตเนียได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันมีบริษัทที่เป็น e-Resident อยู่มากกว่า 24,400 แห่งด้วยกัน
ไม่เท่านั้น เมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทั้งผู้บริโภค พนักงานประจำ และพนักงานอิสระสามารถยืนยันตัวตนได้ง่าย ๆ ทุกที่ ทุกเวลา เจ้าของธุรกิจก็สามารถยืนยันตัวตนของบุคคลเหล่านี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบุคลากรภายในองค์กร
- ภาครัฐ
Digital ID ไม่ได้ส่งผลดีต่อภาคเอกชนเท่านั้น แต่ยังสร้างประโยชน์แก่ภาครัฐได้อย่างมหาศาล อันดับแรกคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อการทำธุรกรรมสะดวกและปลอดภัย ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวไปพร้อม ๆ กันด้วย ผลการศึกษาและวิเคราะห์ของ McKinsey Global Institute คาดการณ์ว่าค่า ภายในปี 2030 ค่า GDP ของประเทศที่ประยุกต์ใช้ระบบ Digital ID จะเติบโตขึ้นได้ 3 ถึง 13 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานของรัฐ เช่น การเลือกตั้ง การให้บริการต่าง ๆ และการจ่ายเงินเยียวยา เป็นต้น เห็นได้ชัดจากช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลหลากหลายประเทศจ่ายเงินเยียวยาแก่ประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งประเทศที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถเข้าถึงประชาชนได้เฉลี่ยราว 51 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ประเทศที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าถึงประชาชนได้เพียง 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งภาครัฐและเอกชนจึงควรผลักดันการใช้งาน Digital ID ที่ทั้งสะดวกและปลอดภัยให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ เมื่อประชาชนทุกกลุ่มทั้งในฐานะผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จาก Digital ID ได้อย่างเต็มที่ กระบวนการนี้จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล